บล.เอเชียพลัส ชี้สัดส่วนซื้อขายผ่าน PROGRAM TRADE ปรับขึ้นแตะระดับ 55% ของมูลค่าการซื้อขายรวม หุ้นเด็ดได้แก่ BEM, CPN และ WHA

    บริษัทหลักทรัพย์เอเชียพลัส ประเมินในสหรัฐฯ เริ่มมีการพูดถึงภาวะ DISINFLATION หลังตัวเลข PCE เดือน ต.ค. ลงมาที่ 3% YOY ตามด้วยเงินเฟ้อในยุโรปเดือน พ.ย. ที่เข้าใกล้เป้าหมาย 2% ขณะที่จีนแสดงตัวเลข PMI ที่ลดลงต่อเนื่อง 2 เดือน ส่วนบ้านเราเอง REAL INTEREST RATE ปรับขึ้นมาสูงมาก + การฟื้นตัวเศรษฐกิจยังไม่เต็มประสิทธิภาพ องค์ประกอบดังกล่าวล้วนเป็นแรงกระตุ้นให้ ธนาคารกลางต่าง ๆ เริ่มกลับมาพิจารณาใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งภาวะดังกล่าวน่าจะดีต่อตลาดหุ้น 


    สำหรับความผันผวนและปรับลดลงของ SET INDEX วานนี้ เป็นผลมาจากการปรับหุ้นเข้าออกของ MSCI แต่ก็มีจุดที่น่าสนใจคือ พบว่าสัดส่วนการซื้อขายผ่าน PROGRAM TRADE ปรับขึ้นมาแตะระดับ 55% ของมูลค่าการซื้อขายรวม ส่วนการประมวลผลหุ้นที่เข้าออก SET50 หากเป็นไปตามเกณฑ์ปกติ TLI, DELTA และ INTUCH จะหลุดออก ส่วน KCE, ITC และ BCP จะถูกนำเข้าคำนวนแทน เชื่อว่าระดับความผันผวนของ SET INDEX จะลดลง ขณะที่ได้แรงหนุนจากตลาด หุ้นสหรัฐที่ปับขึ้นแรง คาด SET INDEX ฟื้นตัว ประเมินวันนี้วิ่งในกรอบ 1370 – 1390 จุด หุ้นเด็ดได้แก่ BEM, CPN และ WHA


    ขณะที่ธนาคารกลางในหลายประเทศมีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น หลังแรงกดดันเงินเฟ้ออาจไม่ใช้อุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยภาพรวมเศรษฐกิจในบ้านเรายังถือว่าอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว หลังดุลบัญชีเดินสะพัดไทยเกินดุลต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนที่ดีต่อเงินบาทให้พลิกกลับมาแข็งค่า และเป็นบวกต่อ FUND FLOW


    นอกจากนี้ในมุมของประเด็นค่าไฟในประเทศ ล่าสุดมีกระแสข่าวว่าจาก กกพ. ว่าค่าไฟงวดใหม่จะ ปรับขึ้นเป็นหน่วยละ 4.68 บาท (สำหรับเดือน ม.ค.-เม.ย.67) แต่ทางด้านกระทรวงพลังงาน และนายกฯ จ่อสกัดเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยคาดว่าค่าไฟจะอยู่ราวหน่วย ละ 4.20 บาทเท่านั้น ซึ่งประเด็นดังกล่าวต้องติดตามต่อไป ส่งผลให้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ยังผันผวน อาทิ GULF GPSC BGRIM 


    ส่วนสถานการณ์อัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยเดือนล่าสุดอยู่ระดับ -0.31%YOY บวกกับตัวเลขเศรษฐกิจ 3Q66 ที่โตเพียง 1.5%YOY เท่านั้น จึงทำให้สำนักเศรษฐกิจ ทั้ง ธปท. กระทรวงการคลัง , สศช. ได้ปรับประมาณการ GDP GROWTH ปี 2566- 2567 ลง ผนวกกับราคาน้ำมันดิบที่มีโอกาสปรับตัวลงในอนาคต ทำให้มีโอกาสที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด หรือ RECESSION ได้ ดังนั้น กนง.อาจคำนึงถึงความเสี่ยงดังกล่าว และหนุนให้วงจรการลดดอกเบี้ยเกิดเร็วขึ้นกว่าที่คาด ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ฝ่ายวิจัยฯ บล.เอเชียพลัส ประเมินตามกลไกดอกเบี้ยที่ลดลง 25 BPS. (จาก 2.50% เป็น 2.25%) มีโอกาสที่จะเป็นแรงผลักให้ TARGET SET INDEX ปรับตัวสูงขึ้นอีก 78 จุด จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ 1717 จุด


    โดยภาพรวมสถานการณ์ประเทศไทยที่เศรษฐกิจยังไม่ได้ฟื้นตัวมากนัก บวกกับราคา น้ำมันดิบโลกที่มีโอกาสปรับตัวลงในอนาคต แต่ยังต้องติดตามการยกเลิกนโยบาย ปรับลดราคาพลังงาน และค่าไฟฟ้า ในต้นปีหน้า ส่งผลต่อการตัดสินใจของกนง. อาจ พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าคาดหรือไม่? ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะ หนุนให้ TARGET SET INDEX ปรับตัวขึ้นอีก 78 จุด จากเดิมที่อยู่ระดับ 1717 จุด



#สรุปภาวะการลงทุน #SET #StockReview #BusinessLineandLife #ข่าวการลงทุน #ข่าวหุ้น #สรุปสภาวะตลาด